ตามรอยเท้านักบุญ
โดย หนูน้อยมารีย์
นักบุญโยเซฟ บุรุษผู้ “ชอบธรรม”
ผู้ชอบธรรม..คือบุคคลที่ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ประพฤติตนอย่างถูกต้องในสายพระเนตรของพระองค์
เรื่องราวในพระวรสารทำให้เราเห็นแบบอย่างชีวิต
ของนักบุญโยเซฟ ท่านเป็นบุรุษผู้ “ชอบธรรม”
บุรุษที่ได้รับเลือกสรรให้เป็นผู้ดูแลรักษา “พระสัญญาของพระเจ้า”
โยเซฟ เป็นชาวยิว ชื่อของท่านในภาษาฮีบรู ในพระคัมภีร์คือ יוֹסֵף อ่านว่า Yosef ซึ่งมีความหมายอย่างลึกซึ้ง แปลว่า “พระองค์จะทรงบวกเพิ่ม” ในภาษากรีกเขียนว่า Ἰωσήφ ออกเสียงว่า โยเซฟ ท่านสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด ผู้สืบตระกูลมาจากอับราฮัม เราไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดว่าท่านเกิดที่ไหน และเมื่อไหร่ แต่จากข้อมูลในพระคัมภีร์ เราทราบว่าท่านมีอาชีพเป็นช่างไม้ อาศัยอยู่ในแคว้นกาลิลี ในดินแดนของอิสราเอล
โยเซฟคือบุรุษที่ได้รับเลือกสรรให้เป็นผู้ดูแลรักษา “พระสัญญาของพระเจ้า” เป็นบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นภัสดาของพระนางมารีย์ ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางมารีย์ตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า แต่เพราะท่านเป็นผู้ชอบธรรมจึงคิดจะถอนหมั้นอย่างเงียบ ๆ ซึ่งขณะที่ท่านกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่นั้น ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มาแจ้งพระประสงค์ของพระเจ้าให้ท่านทราบโดยทางความฝัน ท่านก็น้อมรับพระประสงค์นี้เหมือนกับพระนางมารีย์เคยตอบรับ โดยรับพระนางมารีย์มามาอยู่ด้วย นี่เป็นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของท่านและท่านได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบในการที่จะป้องป้องพระนางมารีย์ในฐานะสามีและปกป้องพระบุตรของพระเจ้าด้วย และการปฏิบัตินี้เช่นนี้เองทำให้เราได้เห็นประจักษ์ถึง“ความชอบธรรม”ของท่านคือ ผู้ที่เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
เมื่อท่านทราบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพระนางมารีย์นั้นเป็นการกระทำของพระจิตเจ้า เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกให้ท่านให้เข้าสู่ความรักใหม่ เป็นความรักเมตตาของพระเจ้าที่หลั่งไปสู่มนุษย์ทุกคนโดยทางพระจิตเจ้า โดยอาศัยสายสัมพันธ์ของการแต่งงาน ท่านทั้งสองได้มิได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียวกันเท่านั้น และเพราะความรักต่อพระเจ้า โยเซฟได้มอบตัวท่านเองเพื่อเป็นคู่ครองของพระนางมารีย์ ท่านมิได้เป็นเพียงคู่ชีวิตเท่านั้นของพระนางเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นพยานแห่งการถือพรหมจรรย์ของพระนางมารีย์ และยังเป็นผู้ป้องกันเกียรติอันสูงส่งของพระนางอีกด้วย และท่านทั้งสองยังได้ใช้ชีวิตเป็นคู่อุปถัมภ์ทางจิตใจด้วย
สายสัมพันธ์แห่งความรักนี้ได้หล่อเลี้ยงชีวิตให้ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ โยเซฟได้รับพระนางมารีย์มาเป็นภรรยาของตน ท่านได้ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองและเลี้ยงดูพระกุมารเยซูอย่างดี ซึ่งเป็นการแสดงถึงน้ำใจของท่านต่อพระประสงค์ของพระเจ้า และเมื่อครบกำหนดเวลาประสูติกาลของพระกุมาร โยเซฟได้ทำหน้าที่ของการเป็นบิดาของท่าน คือถวายพระนามให้กับพระกุมารในพิธีสุหนัต ท่านได้ตั้งชื่อว่าพระกุมารว่า เยซู ตามที่ทูตสรรค์ได้แจ้งไว้ ท่านมีความรักและดูแลเลี้ยงดูพระเยซูด้วยความรักตามธรรมชาติ ท่านมีความสาละวน ทะนุถนอมดั่งที่ใจพ่อทั้งหลายมีต่อบุตรของตน และเมื่อทูตสวรรค์ได้มาแจ้งข่าวแก่โยเซฟให้พาพระกุมารและพระนางมารีย์ไปหลบที่ประเทศอียิปต์ ท่านก็ทำหน้าหน้าปกป้องดูแลพระนางมารีย์และพระกุมารอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ เมื่อกษัตริย์เฮโรดถึงแก่กรรม ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์จึงได้เดินทางกลับมาที่นาซาเร็ธ พระเยซูเจ้าได้เจริญเติบโตขึ้น และเปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณของพระเจ้า
พระวรสารได้ย่อระยะเวลาอันยาวนานแห่งช่วงชีวิตที่ซ่อนเร้นของพระเยซูด้วยคำไม่กี่คำ มีเฉพาะช่วงเวลาเดียวที่เปิดเผยจากชีวิตที่ซ่อนเร้นของพระองค์ เมื่อพระเยซูทรงมีพระชนมายุได้ 12 พรรษา พระองค์ได้มีส่วนร่วมในงานฉลองครั้งนั้นพร้อมกับพระนางมารีย์และโยเซฟในฐานะผู้แสวงบุญผู้เยาว์ และเมื่อวันฉลองสิ้นสุดลงทุกคนก็เดินทางกลับ แต่พระเยซูเจ้ายังประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มโดยที่บิดามารดาไม่รู้เพราะคิดว่าพระองค์ทรงอยู่ในหมู่ผู้ร่วมเดินทาง เมื่อเดินทางไปได้หนึ่งวันแล้ว โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ตามหาพระองค์ในหมู่ญาติและคนรู้จัก เมื่อไม่พบจึงกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อตามหาพระองค์ที่นั่น โยเซฟและพระนางมารีย์พบพระเยซูเจ้าในพระวิหารประทับนั่งอยู่ในหมู่อาจารย์ ทรงฟังและทรงไต่ถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ต่างประหลาดใจในพระปรีชาที่ทรงแสดงในการตอบคำถาม เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์เห็นพระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ พระมารดาจึงตรัสถามพระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก” พระองค์ตรัสตอบว่า “พ่อกับแม่ตามหาลูกทำไม พ่อแม่ไม่รู้หรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้เราเห็นว่านักบุญโยเซฟได้ทำหน้าที่เป็นบิดาและหัวหน้าครอบครัวด้วยความความเอาใจใส่และสัตย์ซื่อ และจากเหตุการณ์นี้เช่นก็ทำให้ท่านเข้าใจดีว่า หน้าที่ของท่านยังเป็นเงาทางโลกแห่งพระบิดาเจ้าสวรรค์ ที่คอยเฝ้าดูและคอยปกป้องพระเยซูเจ้า ทราบอยู่เสมอว่าบุตรของตนมิใช่เป็นของตน เป็นแต่เพียงมอบไว้ให้ตนดูแล ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งพระเยซูเจ้าทรงบอกว่าให้พวกเราเข้าใจเมื่อพระองค์ตรัสว่า “ในโลกนี้อย่าเรียกผู้ใดว่าบิดา เพราะว่าพระบิดาของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระบิดาในสวรรค์” (มธ. 23: 9)
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ และนักบุญโยเซฟก็ได้รับเกียรติจากพระเยซูเจ้า เหมือนลูก ๆ ทั้งหลายได้กระทำต่อพ่อ นั่นคือ พระเยซูเจ้าทรงรัก เคารพ และเชื่อฟังโยเซฟ และพระนางมารีย์ อย่างเต็มเปี่ยมด้วย
หลังจากนั้น พระวรสารก็มิได้กล่าวถึงโยเซฟอีกเลย แต่เรารู้ว่าท่านทำงานด้วยใจซื่อมือสะอาด และทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่อย่างมีความสุขได้ ท่านยังเป็นบิดาผู้ให้การศึกษาแก่พระเยซูเจ้าถึงหน้าที่ของการงานและคุณค่าของงานที่ทำด้วย แบบอย่างของนักบุญโยเซฟได้ช่วยพระเยซูเจริญเติบโตในด้านความเป็นมนุษย์ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเติบโตขึ้นเป็นใหญ่แล้ว ก็ทรงช่วยนักบุญโยเซฟทำงานช่างไม้ด้วยรักและความสนิทสนมและด้วยสำนึกในความเป็นบุตร และนักบุญโยเซฟก็เอาใจใส่และฝึกสอนทักษะของการเป็นช่างไม้ให้พระองค์ ทำให้ท่านได้รับชื่อว่า เป็นบุตรช่างไม้ อย่างเปิดเผย มีคำกล่าวกันว่าโยเซฟมีความสามารถพิเศษในการทำแอก หากใครต้องการแอกที่พอเหมาะและดีต้องไปหาที่นาซาเรธ ท่านได้สอนพระเยซูเจ้าทำแอกจนมีความชำนาญ และเป็นเรื่องหนึ่งที่พระเยซูเจ้าใช้ในการเทศน์สอน “จงรับแอกของเราแบกไว้... เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่ม และภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” (มธ 11:29-30) ด้วย
บรรดานักพระคัมภีร์ได้เชื่อกันว่าท่านโยเซฟน่าจะถึงแก่กรรมในช่วงเวลาก่อนที่พระเยซูเจ้าจะออกเทศนาสั่งสอนประมาณ 1- 2 ปี แม้ว่าเราจะไม่ทราบถึงวัน เวลาการถึงแก่กรรมของท่าน หรือเรื่องราวของท่านอย่างแน่ชัด แต่เรารู้ว่า เราพึ่งท่านนักบุญโยเซฟได้ บุญราศีปีโอที่ 9 ประกาศให้ท่านเป็น “องค์อุปถัมภ์พระศาสนจักรคาทอลิก” ผู้น่าเคารพยกย่องปีโอที่ 12 เสนอให้ท่านนักบุญยอแซฟเป็น “ผู้อุปถัมภ์คนงาน” และพระสันตะปาปานักบุญจอห์น พอลที่ 2 เสนอให้ท่านเป็น “ผู้ปกป้องดูแลพระผู้ไถ่” นักบุญยอแซฟได้ชื่อว่าเป็น “องค์อุปถัมภ์ของผู้กำลังสิ้นใจอย่างมีความสุข” เดือนมีนาคมก็เป็นเดือนที่พระศาสนจักรเตือนใจเราให้ระลึกถึงนักบุญโยเซฟเป็นพิเศษ เพราะท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของหัวหน้าครอบครัว ของกรรมกร ของคณะนักบวชชายและหญิงต่าง ๆ ของพระศาสนจักร และยังเป็นองค์อุปถัมภ์ของผู้ใกล้จะตายด้วย
พี่น้องที่รัก เราสามารถดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของนักบุญโยเซฟได้
ด้วยการปกป้องดูแล แสดงความห่วงใยเอาใจใส่บุคคลในครอบครัว
ญาติพี่น้อง ผู้ทุกข์ยาก คนป่วย คนชรา
ขอให้เราดูแลกันและกันด้วยความเชื่อใจ เคารพกันและกัน
เพราะทุกคนคือของขวัญของพระเจ้าที่ประทานให้เราดูแล
รวมถึงสิ่งสร้างของพระเจ้า ซึ่งเปรียบเหมือนพี่ชายและพี่สาวของเราด้วย
เพื่อจะสามารถปกป้องดูแลทุกคนและทุกสิ่งได้ต้องอาศัยจิตใจที่ดีงาม
ขอให้แบบอย่างชีวิตของนักบุญโยเซฟผู้เข้มแข็ง กล้าหาญ
และเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและความห่วงใย
และขอท่านนักบุญโยเซฟโปรดปกปักษ์รักษาเรา
และช่วยเราให้ดำเนินชีวิตเป็นผู้ชอบธรรมอีกคนหนึ่งของพระเจ้าด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น