วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565

นักบุญ ยอห์น เวียนเนย์

 

นักบุญ ยอห์น เวียนเนย์      วันฉลอง : วันที่ 4 สิงหาคม

เกิดในปี 1786 ที่เมืองลีออง ประเทศฝรั่งเศส ตายปี 1859

องค์อุปถัมภ์ พระสงฆ์เจ้าอาวาส

ยอห์นเกิดในปี 1786 ที่ประเทศฝรั่งเศส ท่านเติบโตและทำงานในท้องทุ่งของพ่อของท่าน เมื่อท่านอายุได้ 18 ปี ท่านได้ตัดสินใจที่จะเป็นพระสงฆ์ เริ่มแรกท่านต้องได้รับการช่วยเหลือให้เรียนภาษาลาติน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับท่านจนทำให้ท่านคิดจะล้มเลิกความตั้งใจหลายครั้งหลายหน 

วันหนึ่งท่านได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปภาวนาในสักการะสถานของนักบุญยอห์นฟรังซิส เรยิส (นักบุญที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศส) ท่านภาวนาเพื่อขอให้พระองค์ ได้ช่วยเหลือในเรื่องการเรียนภาษาลาติน หลังจากที่ได้ภาวนาท่านก็ยังคงมีปัญหา แต่ท่านไม่คิดที่จะยอมแพ้หรือยกเลิกความตั้งใจ พระเจ้าประทานความเข้มแข็งให้ท่านได้เดินหน้าต่อไปแม้ว่าจะมีความยากลำบากเพียงไรในที่สุดท่านได้เข้าบ้านเณร การเรียนในบ้านเณรไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านเรียนได้ไม่ดีนัก การสอบก็ได้คะแนนไม่ดี ท่านไม่ใช่คนที่เรียนเก่งหรือฉลาด แต่อย่างไรก็ตามพระสังฆราชคิดว่าท่านเป็นคนศักดิ์สิทธิ์และสามารถเป็นพระสงฆ์ได้ ดังนั้นพระสังฆราชจึงโปรดศีลบวชให้ท่านเป็นพระสงฆ์ 

 



พระสังฆราชส่งท่านไปเป็นเจ้าอาวาสที่เมืองเล็ก ๆ ชื่อเมืองอาร์สที่นี่ท่านเห็นคนมากมายดื่มเหล้า สบถสาบาน ด่าว่าร้ายกัน และวัดก็ว่างเปล่าวันอาทิตย์ไม่มีใครมาเข้าวัดเพื่อแก้บาปรับศีลฯ ท่านตัดสินใจที่จะภาวนาเพื่อสัตบุรุษของท่านแลtยังได้ทำกิจใช้โทษบาป เพื่อให้พวกเขาได้กลับใจ เปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ ต่อมาคำภาวนาของท่าน บังเกิดผล

 


สัตบุรุษเริ่มมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ และโรงเหล้าเริ่มปิดกิจการ คนส่วนใหญ่ไม่ได้สารภาพบาปมาเป็นเวลานาน ดังนั้นท่านจึงเริ่มใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ เพื่อฟังแก้บาป สัตบุรุษเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการไปสารภาพบาปอย่างสม่ำเสมอพวกเขารู้สึกว่าตนเองดีขึ้นและใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้นหลังจากไปสารภาพบาป บางครั้งท่านยังบอกคนที่สารภาพบาปไม่ครบให้สารภาพให้ครบถ้วนอีกด้วย ท่านสามารถอ่านใจของคนได้และท่านสามารถบอกพวกเขาได้ว่า ลืมสารภาพอะไร ท่านช่วยให้สัตบุรุษกลับใจจำนวนมากและช่วยให้พวกเขารู้จักตัดสินใจที่ถูกต้องสิ่งที่พวกเขาต้องการกระทำคือจะต้องไม่ทำให้พระเจ้าเสียใจเพราะการทำบาปของพวกเขา และพวกเขาจะต้องเสียใจที่ ได้ทำบาป เพราะบาปเป็นการทำร้ายพระเจ้า จึงต้องไปสารภาพบาปอย่างสม่ำเสมอ 

 

 


 

นักบุญยอห์น เวียนเนย์ชอบวัดเล็ก ๆ และผู้คนในเมืองอาร์ส ท่านต้องการที่จะเห็นทุกคนไปสวรรค์และท่านพยายามที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาได้ไปสวรรค์ นักบุญยอห์น เวียนเนย์สอนเราให้เป็นคนที่ไม่รู้จักยอมแพ้ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ยากลำบาก พระเจ้าจะประทานพลังที่เราต้องการเมื่อเราวอนขอพระองค์

 


 

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2565

บาปต้นประการที่ 1 : จองหอง (PRIDE)

 ❤️ ภาวนา ❤️
เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน
" ขอพรพระเจ้าสำหรับการเรียนคำสอนของเราในวันนี้ อาแมน”


❤️อ่านเรื่องราวของ อาดัมและเอวา (อ่านปฐมกาล 3)

1.ในปฐมกาลพระเจ้าได้ทรงสร้างโลก จักรวาล และสรรพสิ่งต่าง ๆให้เกิดขึ้น รวมทั้งมนุษย์สิ่งสร้างที่พระองค์ทรงรักมากที่สุดด้วย

2.มนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าทรงสร้าง คือ อาดัม จากอาดัมนี้เองพระเจ้าทรงสร้างเอวาให้มาเป็นคู่อุปถัมภ์ อีกทั้งยังให้ทั้งสองอยู่ในสวนเอเดนซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความสุขมากพระองค์ตรัสสั่งแก่อาดัมและเอวาเพียงว่า “บรรดาผลไม้ทุกชนิดในสวนนี้เจ้ากินได้ทั้งหมด เว้นแต่ผลจากต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว วันใดที่เจ้าฝ่าฝืน เจ้าจะต้องตาย”

3.ในบรรดาสัตว์ที่พระเจ้าทรงสร้างมานั้นงูฉลาดกว่าหมด ซาตานปลอมตัวเป็นงูมาถามเอวาที่เป็นหญิงว่า “จริงหรือที่พระเจ้าบอกเธอว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ต้นไหน ๆในสวน” เอวาตอบว่า “เราจะกินผลจากต้นไม้ต้นไหนในสวนนี้ก็ได้ ยกเว้นผลจากต้นไม้ที่อยู่กลางสวน พระเจ้าทรงห้ามแตะต้องหรือกินมัน มิฉะนั้นเราจะต้องตาย”

4.งูนั้นพูดว่า “เธอจะไม่ตายหรอก พระเจ้ารู้ว่าเมื่อเธอกินผลไม้นั้น เธอจะตาสว่าง เธอจะเป็นเหมือนพระเจ้า!” เมื่อเอวาเห็นผลไม้น่ากินและน่าดูจึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วเอาไปให้อาดัมกินด้วย เขาก็กิน และแล้วเขาทั้งสองก็รู้ตัวว่าเปลือยกายอยู่ จึงเอาใบมะเดื่อมาร้อยเข้าด้วยกันคลุมตัวเองไว้ แล้วหนีไปให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า

5.เย็นวันนั้นพระเจ้าตรัสเรียกอาดัม “อาดัม ๆ เจ้าอยู่ที่ไหน” อาดัมตอบว่า “ผมได้ยินพระองค์ก็เกรงกลัว เพราะเปลือยกายอยู่จึงหลบซ่อน” พระเจ้าตรัสว่า “ใครบอกว่าเจ้าเปลือยกายอยู่เจ้าได้กินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งห้ามไม่ให้กินใช่ไหม”อาดัมพูดว่า“เอวาที่พระองค์ทรงสร้างให้อยู่กับผมเด็ดมาให้ผมกิน ผมก็เลยกิน” แล้วพระเจ้าตรัสกับเอวาว่า “เจ้าทำอะไรลงไป” เอวาทูลว่า “งูมาหลอกให้ฉันกิน ฉันก็จึงได้กิน” พระเจ้าจึงได้กล่าวสาปแช่งงูอีกทั้งให้พงศ์พันธุ์ของมนุษย์และของงูเป็นศัตรูกัน


❤️ บาปต้นประการที่ 1 : จองหอง (PRIDE)❤️
1.“จองหอง” เป็นบาปที่เกิดขึ้นและเป็นรากเหง้าของบาปกำเนิดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของอาดัมและเอวา “จองหอง” เป็นพยศชั่วที่ร้ายแรงที่สุดเพราะว่ามันเป็นสุดยอดของ “การรักเพียงตนเอง” และขัดแย้งโดยตรงต่อการอ่อนน้อมต่อพระเจ้า    
2.“จองหอง” เป็นบาปที่อันตรายที่สุดเพราะว่ามันจะทำให้ความเข้าใจต่างๆ ของเรามืดบอดไป เมื่อจิตใจของเราจะยึดติดกับความเข้าใจผิด ภาพมายาผิดๆ ไปเรื่อยๆ วันแล้ววันเล่า เฝ้าแต่จินตนาการว่าการกระทำของเรานั้นดีแล้ว ถูกต้องแล้ว จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยถาวรที่ชั่วร้ายผิดพลาด  เมื่อเรามืดบอดไปด้วย
3.“จองหอง” นั้นเราจะไม่คิดพิจารณาว่าทักษะความสามารถต่างๆ ของเรานั้นเป็นพระพรที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา แต่เราจะเชื่อว่าความดีเด่นเหล่านั้นเป็นของเราเองและเรามีสิทธิที่จะใช้ทักษะความสามารถนั้นอย่างไรก็ได้ตามที่เราต้องการ
4.ความจองหองของการรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น จะทำให้ความต้องการที่จะควบคุมการดำเนินชีวิตของผู้อื่น  ต้องการที่จะทำให้ตัวเองเป็นผู้บงการผู้อื่น  มีอำนาจเหนือผู้อื่นทำให้จิตใจของเราแข็งกระด้างและไม่คล้อยตามความเห็นของผู้อื่น ไม่ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร การจองหองประเภทนี้เป็นการถือทิฐิ ดื้อรั้น และดันทุรังที่ทำให้เราต่อต้านพระประสงค์ของพระเจ้าแสดงกริยาเหนือกว่าทุกคนรอบข้างและทำให้เราไม่ยอมที่จะปรับตัวในการควบคุม “การรักเพียงตนเอง”ของเรา ผลที่ตามมาก็ เช่น ความโมโห ความโกรธ ความจองหอง จิตใจที่ขัดแย้งกันเอง และ ความหยิ่งยโส 

 

 

 ❤️การปรับปรุงแก้ไขสำหรับความจองหอง❤️
1.หนทางเดียวในการลดการจองหอง คือ การหมั่นปฏิบัติการนอบน้อมถ่อมตัว    
2.มองแบบอย่างพระเยซูเจ้าทรงให้ไว้แล้ว  เราต้องระลึกอยู่เสมอว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงตรัสไว้แล้วถึงผลของความนอบน้อมถ่อมตัวและการลงโทษทัณฑ์สำหรับความจองหอง    
3.เราต้องใกล้ชิดกับพระเจ้าและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจของเรา    เราต้องวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในคำภาวนาเพื่อทรงประทานคุณงามความดีนี้ให้แก่เรา    
4.เราต้องดำเนินชีวิตโดยมีพระเจ้าสถิตอยู่กับเราเสมอ  พยายามที่จะปฏิเสธตัวตนของตนเอง และแสวงหาคุณธรรมความดีของคริสตชนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความอดทน การข่มใจ (forbearance) ทำกิจการกุศลเมตตาจิต ความสุภาพอ่อนโยน   
5.เราต้องไม่แสวงหาเกียรติยศชื่อเสียง แต่ให้เรายอมรับว่าเราเองนั้นไม่มีค่าอะไรเลยและยังขาดซึ่งคุณธรรมต่างๆ อยู่ และเราต้องตั้งใจที่จะยอมรับความอัปยศอดสูต่างๆ ได้และมุ่งมั่นที่จะแสวงหาพระเจ้าในทุกๆ สิ่ง

 


       




นักบุญคลารา แห่งอัสซีซี




 

นักบุญคลารา แห่งอัสซีซี

 

ฉลอง:  วันที่ 11 สิงหาคม เกิด: วันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1194

ณ เมืองอัสซีซี ประเทศอิตาลี เสียชีวิตเมื่อ 11 สิงหาคม 1253

องค์อุปถัมภ์: งานโทรทัศน์

ผู้แสดง:  นักบุญคลารา นักบุญฟรังซิส พระสังฆราช เพื่อนผู้หญิง และผู้บุกรุก

นักบุญคลาราเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองอัสซีซี ประเทศอิตาลี ในขณะที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่นั้น เธอเริ่มได้รับฟังเรื่องราวของบุคคลศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งที่อุทิศตนเพื่อคนยากจน มีชื่อว่า “ฟรังซิส” เธอเริ่มติดตามเขาและกลุ่มเพื่อนของเขา และได้พัฒนาชีวิตด้วยความยินดีและสันติสุขภายในจิตใจ                              

 



หลังจากได้ใกล้ชิดกับนักบุญฟรังซิส ที่สุดเธอได้ตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิตที่จะใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดเพื่อสิ่งนี้ในวันอาทิตย์ใบลานพระสังฆราชได้มอบใบลานให้เธอได้ถือไว้ นี้เป็นเครื่องหมายจากพระเจ้าให้เธอไปร่วมงานกับนักบุญฟรังซิส

เธอได้ทิ้งบ้านเพื่อใช้ชีวิตอย่างยากจนเหมือนพระเยซูเจ้า นักบุญฟรังซิสได้เป็นผู้ตัดผมของเธอและมอบเครื่องแบบที่หยาบๆให้เธอสวมใส่แทนเสื้อผ้าที่งดงามราคาแพง จากนั้นนักบุญฟรังซิสได้มอบบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ วัดนักบุญโดมีอาโนให้เธอและเพื่อนได้มาอาศัยอยู่ร่วมกัน และที่นี่เป็นสถานที่เริ่มต้นของคณะนักบวชที่มีชื่อว่า “คณะหญิงผู้ยากจน” หรือที่รู้จักในปัจจุบันว่า “คณะนักบุญคลาราผู้ยากจน”

กลุ่มของเธอต้องการที่จะดำเนินชีวิตตามกฎที่นักบุญฟรังซิสได้พัฒนาขึ้น พวกเขานอนบนพื้นไม่สวมรองเท้า รักษาความเงียบเกือบทั้งวัน ไม่กินเนื้อ และใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อการภาวนา พวกเขายังได้กินอาหารที่คนบริจาคให้ เพราะพวกเขาไม่เก็บเงินไว้ พวกเขาดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและสันติ

วันหนึ่งอารามและเมืองทั้งหมดถูกผู้บุกรุกเข้าโจมตี ทุกคนต่างตกใจกลัว แต่นักบุญคลาราได้บอกเพื่อน ๆ ของเธอว่าไม่ต้องกลัวและให้ไว้วางใจในพระเจ้า ในขณะที่ผู้บุกรุกกำลังโจมตีอารามของเธอ เธอได้นำรัศมีที่บรรจุศีลมหาสนิท ไปตั้งไว้ที่ประตูเข้าอารามและภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิทเพื่อขอความคุ้มครอง ผลปรากฏว่าผู้บุกรุกเกิดตกใจกลัวและถอยกลับไป พระเยซูเจ้าได้ปกป้องอารามและสมาชิกทุกคน

 

ในช่วงท้ายของชีวิตของเธอ เธอมักจะเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เสมอ ในคืนวันคริสต์มาสเธอป่วยหนักจนกระทั่งไม่สามารถเข้าร่วมพิธีบูชาขอบพรคุณได้ เธอเสียใจอย่างมากและได้ภาวนาขอกำลังใจจาก พระเยซูเจ้า ทันใดนั้นมีภาพของพิธีมิสซาฯ ปรากฏขึ้นมา เธอมีความยินดีมาก และนี้แหละที่เธอได้ชื่อว่า  เป็นผู้อุปถัมภ์ของผู้ทำงานโทรทัศน์

เธอเสียด้วยสาเหตุทางธรรมชาตินักบุญคลาราสอนเราให้ไว้วางใจในพระเยซูเจ้า และให้เราตระหนักถึงพลังแห่งศีลมหาสนิท