วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู



สวัสดีค่ะ พี่น้องคริสตชนที่รัก... เราแสดงความรักต่อพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเราอย่างไร เราตอบสนองต่อความทุกข์ยากในชีวิตของเราอย่างไร... ในชีวิตนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมาเยซู ท่านต้องพบกับกับความทุกข์หลายครั้ง และท่านได้ใช้ “ความรักต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า” เป็นพลังเพื่อก้าวผ่านความทุกข์ในชีวิตของท่าน เรามารู้จักท่านนักบุญองค์นี้กันค่ะ


นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู มีชื่อเดิมว่า มารีย์ ฟรังซัวส์ เทแรส เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 1873  ที่อาลังซอง ประเทศฝรั่งเศส บิดาของเธอชื่อนายหลุยส์ มาร์ติน เป็นช่างทำนาฬิกา ส่วนมารดาชื่อ นางเซลี มารีย์ เธอมีพี่น้องทั้งหมด 9 คน คุณแม่ของเธอสอนให้เธอสวดภาวนา และทำความดีตามประสาเด็ก เธอเริ่มทำพลีกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวัน จนบางวันเธอทำมากถึง 100 ครั้ง การทำพลีกรรมเป็นการแสดงความรักของเธอต่อพระเจ้า ขณะที่เธอมีอายุเพียงสี่ขวบครึ่งแม่ของเธอได้เสียชีวิตลง เธอรู้สึกเสียใจและเป็นทุกข์ใจอย่างมาก บิดาของเธอจึงได้พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เมืองลีซีเออซ์



นักบุญเทเรซารักการอ่านประวัตินักบุญ เธอมักจะเข้าไปภาวนาในวัดน้อยเสมอ แต่แล้วเมื่อโปลินพี่สาวของเธอเข้าคณะคาร์แมล เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เธอรู้เศร้าใจมาก ความทุกข์ทำให้เธอเป็นโรคปวดหัวอย่างรุนแรง ทุกคนในครอบครัวต่างช่วยกันปลอบประโลมบรรเทาใจให้เธอ จนวันหนึ่งเธอรู้สึกว่าแม่พระประจักษ์มาและยิ้มให้เธอทำให้เธอหายป่วย หลังจากนั้นเธอตั้งใจเรียนคำสอน เธอปรารถนาจะรู้จักและรักพระเยซูเจ้าให้มากยิ่งขึ้น 




เมื่ออายุได้ 15 ปี เธอปรารถนาที่จะเข้าอารามเช่นเดียวกับพี่สาวของเธอ จุดประสงค์เดียวที่เธอปรารถนาจะเข้าอารามก็คือ เพื่อจะได้ฝึกฝนตนเองเพื่อที่จะรักพระเจ้ามากยิ่งขึ้นและช่วยวิญญาณผู้อื่นให้รอด แม้ว่าบิดาของเธอจะเสียใจมาก เพราะท่านได้มอบบุตรสาวให้กับพระไป 2 คนแล้ว แต่ท่านก็มิได้กล่าวคัดค้านความปรารถนาของเธอ แต่คุณพ่อจิตตาธิการของคณะคาร์แมลกลับปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าอาราม โดยท่านให้รอจนกว่าจะอายุ 21 ปีเสียก่อน บิดาของเธอทราบถึงความทุกข์ใจของเธอจึงพาเธอไปพบพระสังฆราช แต่พระสังฆราชบอกว่าจะไปปรึกษากับคุณพ่อจิตตาธิการของคณะคาร์แมลดูก่อน เธอจึงรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก บิดาของเธอจึงพาเธอเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 ที่ กรุงโรม เพื่อขออนุญาตเข้าอาราม พระสันตะปาปาทรงประทับใจในความมุ่งมั่นของเทเรซามาก ที่สุดเธอได้รับอนุญาตจากพระสันตะปาปา แล้ววันที่ 9 เมษายน 1888 เธอก็ได้เข้าอาราม ชีวิตในอารามก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เธอถูกตำหนิจากคุณแม่อธิการหลายครั้ง แต่เธอก็พยายามปฏิบัติหน้าที่ประจำวันอย่างดีที่สุด แม้ว่างานที่เธอต้องทำจะเป็นเพียงการทำความสะอาดห้อง การจัดโต๊ะอาหาร เป็นต้น


9 เดือนต่อมา เธอได้รับเสื้อของคณะคาร์แมล เธอดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ยอมรับความทุกข์ยากในทุกโอกาส เช่น คืนหนึ่งที่เธอต้องลุกขึ้นสวดภาวนาเป็นเวลา 1 ชม. เธอกลับหาตะเกียงไม่พบ ซึ่งคนอื่นอาจจะหยิบตะเกียงของเธอผิดไปโดยไม่ตั้งใจ แต่เธอก็มิได้โกรธหรือไปถามหาตะเกียง เธอยอมสวดภาวนาในความมืด เธอทานอาหารหลังจากที่คนอื่นได้มาตักอาหารไปแล้ว มีซิสเตอร์บางท่านมีความรู้สึกไม่ดีต่อเธอ แต่เธอก็อดทนและต่อสู้กับความรู้สึกนั้นด้วยรอยยิ้ม ความเบิกบาน และความรัก ที่สุด เธอก็เอาชนะใจซิสเตอร์ท่านนั้นได้  เธอได้ปฏิญาณตน ในวันที่ 8 กันยายน 1890 และได้รับชื่อใหม่ว่า "เทเรซา แห่งพระกุมารเยซู" เธอได้ปฏิบัติคุณธรรมความสุภาพ ความวางใจในพระเจ้า และดำเนินชีวิตตามพระวินัยของคณะคาร์แมลอย่างเคร่งครัด 3 ปีต่อมาเธอได้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยนวกาจารย์ 


ในปี 1896 เธอเริ่มป่วยโดยไอออกมาเป็นเลือด โดยไม่ได้บอกใครเธอยังคงทำงานต่อไป หนึ่งปีหลังจากนั้นทุกคนรู้ว่าเธอไม่สบาย สุขภาพของเธอทรุดลง ซิสเตอร์โปลีนซึ่งเป็นอธิการิณีในขณะนั้น ได้ขอให้เธอเขียนเรื่องราวชีวิตของเธอในสมุดบันทึกประจำวันของอาราม ความปรารถนาของเธอหลังจากที่เธอจากโลกนี้ไปแล้ว คือช่วยเหลือคนที่อยู่บนแผ่นดินนี้ เธอได้กล่าวไว้ว่า "คอยดูนะ เมื่อฉันตาย ฉันจะโปรยกุหลาบลงมาจากสวรรค์ เป็นสายฝน" เธอสิ้นใจวันที่ 30 กันยายน 1897 อายุ 24 ปี หลังจากเธอหมดลมหายใจแล้ว ยังไม่ทันจะปลงศพก็มีอัศจรรย์เกิดขึ้น เมื่อมีซิสเตอร์รูปหนึ่งไม่ค่อยชอบเทเรซานัก แต่เมื่อเทเรซาสิ้นใจ ซิสเตอร์ท่านนั้นรู้สึกเสียใจมากเธอได้ก้มลงแตะศีรษะและปลายเท้าของเทเรซา ปรากฏว่าเธอหายจากโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่ทันที หลังจากนั้นก็มีอัศจรรย์อื่น ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ฝนกุหลาบ” ที่เทเรซาประกาศไว้ได้โปรยปรายอย่างอุดมไปสู่ คนป่วย คนขัดสน เด็ก ทหาร โดยเฉพาะระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1923 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ได้ประกาศให้ท่านเป็น “บุญราศี”และในปี ค.ศ.1925 เธอได้รับแต่งตั้งเป็นนักบุญ พระศาสนจักรระลึกถึงนักบุญเทเรซาแห่งพระเยซูกุมารในวันที่ 1 ตุลาคม ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์การแพร่ธรรมในต่างแดนและนักปราชญ์ของพระศาสนจักร




พี่น้องที่รัก ท่านนักบุญเทเรซาทำทุกสิ่งเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักที่เธอมีต่อพระเจ้า ท่านทำให้เราเห็นว่าการรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ สุดกำลังนั้น ก็คือการปฏิบัติกิจการที่ดีงามต่อเพื่อนพี่น้องทุกคน ดังนั้น ให้เราทำสิ่งเล็กๆ ด้วยความรัก เชื่อว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำจะช่วยให้เราก้าวไปสู่หนทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกันกับนักบุญเทเรซา แห่งพระกุมารเยซู
ขอพระจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่าน พบกันใหม่ฉบับหน้านะคะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น